แชร์

เลือกสินค้าอย่างไรให้ร้านขายดี [ร้านขายอุปกรณ์เครื่องมือช่าง]

อัพเดทล่าสุด: 7 พ.ค. 2025
435 ผู้เข้าชม


เลือกสินค้าอย่างไรให้ร้านขายดี [สำหรับร้านขายอุปกรณ์เครื่องมือช่าง]



การจะทำให้ร้านขายดีไม่ใช่แค่มีสินค้าครบ แต่ต้อง เลือกสินค้าให้ถูก กับตลาดที่เราขายด้วย โดยเฉพาะร้านขายอุปกรณ์เครื่องมือช่าง ที่มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ทั้งค้อน ไขควง สว่าน เครื่องมือวัด ประแจ เครื่องมือไฟฟ้า ไปจนถึงชั้นวางและอุปกรณ์เสริมต่างๆ

หลายร้านเปิดใหม่แล้วขายไม่ดี เพราะสต๊อกสินค้าผิดประเภท ไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า บางร้านมีของครบแต่ราคาสูงเกินไป บางร้านขายถูกแต่ของไม่มีคุณภาพ หรือไม่มีการจัดเซตให้ลูกค้าซื้อได้ง่าย ดังนั้นในบทความนี้ เราจะมาแนะนำแนวทางการเลือกสินค้าให้ ขายดี แบบยั่งยืน เหมาะสำหรับเจ้าของร้านที่เพิ่งเริ่มธุรกิจ หรือร้านเดิมที่อยากเพิ่มยอดขายและขยายกลุ่มลูกค้า



1.เข้าใจลูกค้าของคุณก่อน



ก่อนจะสั่งสินค้ามาขาย ต้องรู้ก่อนว่าร้านคุณ ขายให้ใคร เพราะลูกค้าแต่ละกลุ่มมีความต้องการต่างกัน


- ช่างมืออาชีพ  เน้นคุณภาพ ทนทาน ใช้งานหนักได้ เช่น ค้อนเหล็กคุณภาพสูง ประแจปรับระดับได้ เครื่องมือไฟฟ้าไร้สาย

- ช่างสมัครเล่น / DIY ต้องการเครื่องมือใช้ง่าย ราคากลางๆ ถึงถูก มักซื้อเป็นชุด เช่น กล่องไขควงหลายหัว สว่านราคาประหยัด

- ร้านค้า / โรงงาน ซื้อจำนวนเยอะ ต้องการราคาส่ง และการรับประกันที่ดี

เจ้าของบ้านทั่วไป ซื้อเพื่อใช้เฉพาะกิจ เช่น ติดรูปภาพ เจาะผนังเล็กๆ ใช้แล้วอาจเก็บยาว


คำแนะนำ:

- สำรวจลูกค้าที่เข้าร้านหรือสอบถามทางออนไลน์ว่า เขาใช้งานแบบไหน

- ดูจากคำถามที่ลูกค้าถามบ่อย เช่น มีสว่านเจาะปูนมั้ย? หรือ มีชุดเครื่องมือไหม?



2. เริ่มต้นด้วยสินค้าขายดีอันดับต้นๆ

ถ้าเพิ่งเปิดร้าน หรืออยากเพิ่มยอดขายแบบรวดเร็ว ควรเริ่มจากกลุ่มสินค้าที่ ขายง่าย ขายไว เช่น

เครื่องมือพื้นฐานที่ใช้บ่อย

- ค้อน

- ไขควง (หลายแบบ เช่น ปากแบน/ปากแฉก)

- ประแจ (แหวน, ปากตาย, ปรับได้)

- คีม (คีมปากจิ้งจก, คีมล็อก, คีมปอกสายไฟ)

- ตลับเมตร 

- ระดับน้ำ


 เครื่องมือไฟฟ้า

- สว่านไฟฟ้า (แบบมีสายและไร้สาย)

- เครื่องเจียร / ลูกหมู

- เครื่องตัดไม้ / ใบเลื่อย

- บล็อกไฟฟ้า / บล็อกลม


อุปกรณ์เสริม 

ใบเจียร / ใบตัด

หัวไขควง / หัวดอกสว่าน

ปลั๊กไฟ / ปลั๊กพ่วง

ชั้นวางเครื่องมือ / กล่องใส่อุปกรณ์


สินค้าเหล่านี้ ที่แอดมินยกมา เป็นสินค้าที่ขายได้ตลอดปี เพราะใช้แล้วต้องเปลี่ยน ใช้แล้วชำรุด หรือลูกค้าซื้อเพิ่มตามงานใหม่ๆ




3. จัดเซตหรือชุดเครื่องมือ ช่วยเพิ่มยอดขาย

ลูกค้าหลายคนตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ถ้าคุณจัดสินค้าเป็น ชุดพร้อมใช้ เช่น:

ชุดเครื่องมือช่างเบื้องต้น เหมาะสำหรับเจ้าของบ้าน / มือใหม่
เช่น ค้อน + ไขควง + ตลับเมตร + คีม + กล่องเก็บ

ชุดเครื่องมือสำหรับงานไฟฟ้า เช่น คีมตัดสายไฟ + ไขควงทดสอบไฟ + เทปพันสายไฟ + มีดปอกสาย

ชุดสำหรับช่างมือโปร เครื่องมือไฟฟ้า + แบตเตอรี่ + กระเป๋าใส่เครื่องมือ


ข้อดีของการจัดเซต

- ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่า

- เพิ่มราคาต่อบิล

- ลดโอกาสที่ลูกค้าจะลังเล (เพราะสินค้าครบในชุดเดียว)



4. คัดเลือกสินค้าหลายรดับราคา

ในร้านหนึ่งควรมีสินค้าอย่างน้อย 2-3 ระดับคุณภาพ เช่น:

เกรดประหยัด เหมาะสำหรับมือใหม่หรือใช้งานน้อย

เกรดกลาง เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป

เกรดพรีเมียม สำหรับช่างมือโปรหรือโรงงาน

เมื่อมีหลายระดับ ลูกค้าจะเลือกตามงบประมาณของตนเอง ร้านก็ปิดการขายได้ง่ายขึ้น




5. เลือกแบรนด์ที่ลูกค้าไว้ใจ

ชื่อเสียงของแบรนด์มีผลมากต่อการตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะเครื่องมือไฟฟ้า


6. อย่าลืมสินค้าเสริมและของเบ็ดเตล็ด

ของพวกนี้อาจดูเล็กน้อย แต่ขายได้ทุกวัน เป็นสินค้าเคลื่อนไหวเร็ว

- ใบตัด / ใบเจียร

- เทปพันสายไฟ

- ถุงมือ

- แว่นตานิรภัย

- สกรู / น็อต / พุก


สินค้าเหล่านี้อาจขายทีละน้อย แต่ ปริมาณซื้อบ่อย สร้างกำไรสะสมได้สูงมาก


7. สร้างโปรโมชั่นจูงใจ

สินค้าจะขายดีขึ้นถ้าคุณมี 

- โปรเปิดตัวสินค้าใหม่

- โปรซื้อครบแถมของ (เช่น ซื้อสว่านแถมหัวดอก)

- โปรประจำเดือน / ลดราคาเป็นรอบๆ

- โปรสำหรับช่างหรือร้านที่ซื้อประจำ (ลูกค้าขายส่ง)


โปรโมชั่นไม่จำเป็นต้องลดราคามาก แค่ให้ลูกค้ารู้สึกว่า คุ้มกว่า



8. จัดร้านให้ดึงดูด และหยิบง่าย

ต่อให้คุณมีของดี ถ้าลูกค้าเดินหาของไม่เจอ ก็ขายไม่ออก
ควรจัดโซนให้เป็นหมวด เช่น:

- เครื่องมือพื้นฐาน

- เครื่องมือไฟฟ้า

- อะไหล่ / อุปกรณ์เสริม

- สินค้าโปรโมชั่น



9. ขายออนไลน์ควบคู่ เพิ่มลูกค้าได้หลายเท่า

ไม่ว่าจะมีหน้าร้านหรือไม่ การขายออนไลน์เป็นสิ่งที่ควรมี
ช่องทางแนะนำ:
- Facebook Page

- Shopee / Lazada

- TikTok Shop (เน้นคลิปรีวิวสั้นๆ)

- LINE OA สำหรับปิดการขายและติดตามลูกค้า


ควรลงภาพสินค้าให้ชัดเจน มีรายละเอียด และบอกจุดเด่น ยิ่งให้ข้อมูลครบ ลูกค้ายิ่งมั่นใจ สั่งซื้อง่าย



10. ติดตามผล และปรับตัว

ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวว่าร้านไหนต้องขายอะไรถึงจะดี แต่ร้านที่ประสบความสำเร็จคือ ร้านที่ปรับตัวเก่ง

- สินค้าไหนขายดี = เติมสต๊อกทันที

- สินค้าไหนขายไม่ออก = ทำโปร / ลดล้างสต๊อก

- ฟังเสียงลูกค้า = ปรับรายการสินค้าให้ตรงใจ

- ดูคู่แข่ง = เรียนรู้ว่าเขาขายยังไง แล้วทำให้ดีกว่า





การเลือกสินค้าให้ร้านขายดี ต้องเริ่มจาก ความเข้าใจลูกค้า แล้วเลือกสินค้าที่ตรงกลุ่ม มีคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม พร้อมจัดร้านและทำโปรโมชันเสริมยอดขาย ที่สำคัญคือกล้าปรับตัวและทดลองสิ่งใหม่ๆ


ขายดี = สินค้าตรงใจลูกค้า + การนำเสนอที่น่าสนใจ


บทความที่เกี่ยวข้อง
3 ประเภท ก็อกน้ำ พื้นฐานที่คุณต้องรู้จัก (ก็อกโยก, ก็อกบอล, ก็อกบอลวาล์ว)
ก็อกน้ำ เป็นส่วนเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้ามใน งานปะปา แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นหัวใจสำคัญของการใช้น้ำประจำวัน ถ้าเลือกถูกประเภท จะช่วยให้คุณประหยัดทั้งค่าน้ำ ค่าแรงช่าง และใช้ระบบน้ำได้ยาวนานขึ้นหลายปี
11 ก.ค. 2025
เครื่องพ่นยาสะพายหลังแบบแบตเตอรี่ Mitsupower ตัวช่วยเกษตรกรยุคใหม่
เพราะการทำเกษตรไม่จำเป็นต้องเหนื่อยเสมอไป ให้เครื่องพ่นยาแบตเตอรี่สะพายหลัง ช่วยคุณประหยัดแรง แต่ได้ผลผลิตเต็มที่!
4 มิ.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy